(๑๗๐) ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากพระวิหารจงกรมแล้ว.
แม้อัมพัฏฐมาณพก็ออกจากพระวิหารเดินจงกรม
ขณะที่อัมพัฏฐมาณพเดินจงกรมตามพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่นั้น
ได้พิจารณาดูมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
ในพระกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 519
ก็ได้เห็นมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ โดยมาก เว้นอยู่ ๒ ประการ คือ
พระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก ๑
พระชิวหาใหญ่ ๑
จึงยังเคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อไม่เลื่อมใสอยู่.
ลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า
อัมพัฏฐมาณพนี้เห็นมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการของเรา โดยมาก
เว้นอยู่ ๒ ประการ คือ
คุยหะเร้นอยู่ในฝัก ๑
ชิวหาใหญ่ ๑
ยังเคลือบแคลงสงสัย ไม่เชื่อไม่เลื่อมใสอยู่.
ทันใดนั้นจึงทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ให้อัมพัฏฐมาณพได้เห็นพระคุยหะ
เร้นอยู่ในฝัก และ ทรงแลบพระชิวหาสอดเข้าช่องพระกรรณทั้ง ๒ กลับไปกลับมา
สอดเข้าช่องพระนาสิกทั้ง ๒ กลับไปกลับมา
แผ่ปิดจนมิดมณฑลพระนลาต.
(๑๗๑) ครั้งนั้น อัมพัฏฐมาณพคิดว่า
พระสมณโคดมประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ บริบูรณ์
ไม่บกพร่อง ดังนี้แล.
เขาจึงได้ทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอทูลลาไป ณ บัดนี้
ข้าพเจ้ามีกิจมาก มีธุระมาก.
ดูก่อนอัมพัฏฐะ เธอจงสำคัญกาลอันควรบัดนี้.
แล้วอัมพัฏฐมาณพก็ขึ้นรถเทียมลากลับไป.