พระปุณณาเถรี เล่ม54 หน้า 343
ทรมาน พราหมณ์ที่ถือว่าบริสุทธิ์ด้วยการ ลงอาบน้ำ
ข้าพเจ้าเป็นหญิงแบกหม้อน้ำได้พบ พราหมณ์ โสตถิยะ
กำลังหนาวสั่นอยู่กลางน้ำ
แม้แต่หน้าหนาว
ท่านพราหมณ์ ท่านเล่ากลัวอะไร จึงลงน้ำทุกเมื่อ
ตัวสั่นเทา ประสบความหนาวเย็นอย่างหนัก.
พราหมณ์กล่าวว่า
ดูก่อนแม่ปุณณาผู้จำเริญ
เจ้าเมื่อรู้ว่าเราผู้กระทำกุศลกรรม อันห้ามบาปที่ทำไว้แล้ว
ยังจะสอบถามหรือหนอ
ก็ผู้ใด ไม่ว่าเป็นคนแก่และคนหนุ่ม
ประกอบบาปกรรมได้
ผู้นั้น ย่อมจะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้
เพราะการลงอาบน้ำ.
ข้าพเจ้ากล่าวว่า
ใครหนอช่างไม่รู้ มาบอกกับท่าน
ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ตนจะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้
เพราะการอาบน้ำ
พวก กบ เต่า งู จระเข้ และสัตว์อื่น ๆ ที่สัญจรอยู่ในน้ำทั้งหมด
ก็คงจักพากันไปสวรรค์แน่แท้
คนฆ่าแพะคนฆ่าสุกร คนฆ่าปลา คนล่าเนื้อ
พวกโจร พวกเพชฌฆาต และคนทำบาปกรรมอื่น ๆ
แม้คนทั้งนั้นจะหลุดพ้นจากบาปกรรมได้ เพราะการอาบน้ำ
ถ้าหากว่า แม่น้ำเหล่านี้
จะพึงนำบาปที่ท่านทำมาแต่ก่อนไปได้ไซร้
แม่น้ำเหล่านี้ ก็จะพึงนำ แม้บุญของท่านไปด้วย
ท่านก็จะพึงเห็นห่างจากบุญนั้นไป.
ถ้าท่านกลัวทุกข์ ถ้าทุกข์ไม่น่ารักสำหรับท่าน
ท่านก็อย่าทำบาปกรรม ทั้งในที่ลับ ทั้งในที่แจ้ง
ก็หากว่าท่านจักกระทำ หรือกำลังกระทำบาปกรรม
ท่านถึงจะเหาะหนีไป ก็ไม่พ้นไปจากทุกข์ได้เลย.
ถ้าท่านกลัวทุกข์ ถ้าทุกข์ไม่น่ารักสำหรับท่าน
ท่านก็จงถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เช่นนั้นเป็นสรณะ
จงสมาทานศีล ข้อนั้นก็จักเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นของท่าน.
พราหมณ์นั้นตั้งอยู่ในสรณะและศีลแล้ว
ต่อมา ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดาแล้วได้ศรัทธา
ก็บวชพากเพียรพยายามอยู่ ไม่นานนัก ก็เป็นผู้มีวิชชา ๓
พิจารณาทบทวนข้อปฏิบัติของตน
เมื่อจะอุทานจึงกล่าวคาถาว่า พฺรหฺมพนฺธุ เป็นต้น.
คาถานั้นมีความว่า
แต่ก่อน ข้าพเจ้ามีชื่อว่า พรหมพันธุ์ เผ่าพันธุ์พรหม
โดยเหตุเพียงเกิดในสกุลพราหมณ์
ข้าพเจ้า เป็นผู้มีไตรเพทถึงพร้อมด้วยเวท
ชื่อว่า เป็นพราหมณ์ผู้อาบน้ำเสร็จแล้ว โดยเหตุเพียงเรียนเป็นต้น
ซึ่งไตรเพทมีอิรุพเพทเป็นอาทิ ก็อย่างนั้น
บัดนี้ ข้าพเจ้าเป็นพราหมณ์ จริง คือเป็นพราหมณ์โดยปรมัตถ์
เพราะลอยบาปได้โดยประการทั้งปวง ชื่อว่า เตวิชชา
เพราะบรรลุวิชชา ๓ ชื่อว่าถึงพร้อมด้วยเวท
เพราะประกอบด้วยเวท กล่าวคือมรรคญาณ และ
ชื่อว่าอาบน้ำเสร็จแล้ว เพราะถอนบาปได้หมด
แม้คาถาที่พราหมณ์กล่าวไว้ในเรื่องนี้ ภายหลัง
พระเถรีก็กล่าวไว้เฉพาะดังนั้น จึงชื่อว่าคาถาของพระเถรีทั้งหมดแล.
จบ อรรถกถาปุณณาเถรีคาถา