เอกทีปิยเถราปทานที่ ๖ (๔๑๖)
ว่าด้วยการตามประทีปเป็นพุทธบูชา
[๖] เมื่อพระสุคตเจ้าผู้นำโลกพระนามว่า สิทธัตถะ ปรินิพพานแล้ว
ชนทั้งปวงทั้งเทวดาและมนุษย์ ต่างก็บูชาพระองค์ผู้สูงสุดกว่าสัตว์
และเมื่อเขาช่วยกันยกพระผู้นำโลก พระนามว่า สิทธัตถะ ขึ้นบนเชิงตะกอน
ชนทั้งหลายพากันบูชาเชิงตะกอนของพระศาสดาตามกำลัง
เราได้ตามประทีปไว้ไม่ไกลเชิงตะกอน ประทีปของเราลุกโพรงจนพระอาทิตย์ขึ้น
เพราะกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และ เพราะความตั้งใจชอบ
เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ดาวดึงสพิภพ
เขาย่อมทราบกันว่า วิมานอันบุญกรรมได้ทำไว้เป็นอย่างดี เพื่อเราในดาวดึงสพิภพนั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 20
ชื่อว่าเอกทีปะ ประทีปแสนดวงส่องสว่างอยู่ในวิมานของเรา
ร่างกายของเรารุ่งเรืองอยู่ทุกเมื่อ เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังอุทัยฉะนี้
สรีระของเรามีแสงสว่างด้วยรัศมีในกาลทุกเมื่อ
เรามองเห็นได้ตลอด ด้วยจักษุ ทะลุฝากำแพง ภูเขา โดยรอบร้อยโยชน์
รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๗๗ ครั้ง
เสวยรัชสมบัติในเทวโลก ๓๑ ครั้ง
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๒๘ ครั้ง
เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้
เราจุติจากเทวโลกแล้วเกิดในครรภ์ของมารดา นัยน์ตาของเราผู้แม้จะอยู่ในครรภ์ ของมารดา ก็ไม่วินาศ
เรามีอายุ ๔ ขวบแต่กำเนิดก็ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุพระอรหัตแต่ยังไม่ทันได้ถึงกึ่งเดือน
เราชำระทิพยจักษุให้บริสุทธิ์แล้ว
ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว
ตัดกิเลสทั้งปวงขาดแล้ว
นี้เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว
นอกฝา นอกกำแพง และถึงภูเขาทั้งสิ้น เราก็เห็นทะลุไปได้ นี้ก็เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว
สำหรับเรา ภูมิภาคที่ขรุขระ ย่อมเป็นที่ราบเรียบ
ความมืดย่อมไม่ปรากฏมี เราไม่เห็นความมืด นี้ก็เป็นแห่งประทีปดวงเดียว
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายประทีปใด ด้วยการถวายประทีปนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้ก็เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . .
คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้
ทราบว่า ท่านพระเอกปิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบเอกทีปิยเถราปทาน