วงศ์พระโคดมพุทธเจ้าที่ ๒๕
[๒๖] บัดนี้ เราเป็นพระสัมพุทธเจ้า ชื่อว่า โคตมะ
เจริญวัยในศากยสกุล ตั้งความเพียรแล้วบรรลุพระโพธิญาณอันอุดม.
อันท้าวมหาพรหมอาราธนาแล้ว
ประกาศพระธรรมจักร
อภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่ สัตว์ ๑๘ โกฏิ.
เมื่อทรงแสดงธรรมต่อจากนั้น
ในสมาคมแห่งมนุษย์และเทวดา
อภิสมัยครั้งที่ ๒ ก็กล่าวไม่ได้ถึงจำนวนผู้บรรลุ.
บัดนี้ ในที่นี้นี่แล
เราสั่งสอนราหุลโอรสของเรา
อภิสมัยครั้งที่ ๓ ก็กล่าวไม่ได้ถึงจำนวนผู้บรรลุ.
สันนิบาตการประชุมสาวก ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ของเรา
เป็นการประชุมภิกษุ ๑,๒๕๐ มีครั้งเดียว.
เราไร้มลทินรุ่งเรืองอยู่ ท่ามกลางสงฆ์
ก็ให้ทุกอย่างที่สาวกปรารถนา
เหมือนแก้วจินดามณีให้ทุกอย่างที่ต้องการ
อันความกรุณาสัตว์ทั้งหลาย
เราประกาศสัจจะ ๔ แก่ผู้จำนงหวังมรรคผล
ผู้ประสงค์ละความพอใจในภพ.
ธรรมาภิสมัย ได้มีแก่สัตว์
หนึ่งหมื่น สองหมื่น
อภิสมัยของสัตว์ ไม่นับจำนวน ด้วยหนึ่งคน หรือ สองคน
ศาสนาของเรา ผู้ศากยมุนีในโลกนี้
บริสุทธิ์ดีแล้ว แผ่ไปกว้างขวาง
คนเป็นอันมากรู้กัน มั่นคงเจริญออกดอกบานแล้ว.
ภิกษุทั้งหมดหลายร้อย
ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้งมั่น
ย่อมแวดล้อมเราทุกเมื่อ.
บัดนี้ เดี๋ยวนี้ ภิกษุเหล่าใด
ละภพมนุษย์ ภิกษุเหล่านั้น
เป็นเสกขะ ยังไม่บรรลุพระอรหัต วิญญูชน ก็ติเตียน.
นรชนผู้ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ ผู้ยินดีในธรรมทุกเมื่อ
เมื่อชมเชยอริยมรรค รุ่งเรืองอยู่ ก็จักตรัสรู้.
เรามีนครชื่อ กบิลพัสดุ์
พระชนก พระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ
พระชนนีเรียกว่า พระนางมายาเทวี.
เราครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๒๙ ปี
มีปราสาทเยี่ยม ๓ หลัง ชื่อว่า สุจันทะ โกกนุทะ และโกญจะ
มีสนมกำนัลที่แต่งกายงาม สี่หมื่นนาง
อัครมเหสีพระนามว่า พระยโสธรา
โอรสพระนามว่า พระราหุล.
เราเห็นนิมิต ๔ ออกอภิเนษกรมณ์ด้วยยาน คือ ม้า
ทำความเพียร ประพฤติทุกกรกิริยา ๖ ปี.
เรา ชินโคตมะสัมพุทธเจ้า
ประกาศพระธรรมจักร ณ ป่าอิสิปตนะ มิคทายวัน ณ กรุงพาราณสี
เป็นสรณะของสัตว์ทั้งปวง.
เรามีภิกษุคู่พระอัครสาวก ชื่อว่า โกลิตะ และอุปติสสะ
มีพุทธอุปัฏฐากประจำสำนักชื่อว่า อานันทะ.
เรามีภิกษุณีอัครสาวิกา ชื่อ เขมาและอุบลวรรณา
มีอัครอุปัฏฐากชื่อว่า จิตตะ และหัตถกะอาฬวกะ
มีอัครอุปัฏฐายิกาชื่อว่า นันทมาตา และอุตตรา
เราบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม ณ โคนโพธิพฤกษ์ ชื่อ ต้นอัสสัตถะ.
เรามีรัศมีวาหนึ่ง สูง ๑๖ ศอก
อายุเรา ณ บัดนี้น้อย ร้อยปี
เราดำรงชนม์อยู่เพียงนั้น ก็ยังหมู่ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ
เราตั้งคบเพลิงคือธรรม ปลุกชนที่เกิดมาภายหลังให้ตื่น.
ไม่นานนัก แม้เราพร้อมด้วยสงฆ์สาวกก็จักปรินิพพานในที่นี้นี่แล
เพราะสิ้นอาหาร เหมือนดวงไฟดับ เพราะสิ้นเชื้อฉะนั้น.
เดชที่ไม่มีใครเทียบได้เหล่านั้น ทั้งยศพละและฤทธิ์เหล่านี้
เราผู้มีเรือนกายทรงคุณ วิจิตรด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
มีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างทั้งสิบทิศ ดั้งดวงอาทิตย์.
ทั้งนั้นก็จักอันตรธานไปสิ้น
สังขารทั้งปวงก็ว่างเปล่า แน่แท้.
จบวงศ์พระโคดมพุทธเจ้าที่ ๒๕
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 690[/color]