พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 578
๑๘. วงศ์พระปุสสพุทธเจ้าที่ ๑๘
ว่าด้วยพระประวัติของพระปุสสพุทธเจ้า
[๑๙] ในมัณฑกัปนั้นนั่นเอง ก็ได้มีพระศาสดาพระนามว่า ปุสสะ
ผู้ยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เปรียบ ไม่มีผู้เสมอ พระผู้นำเลิศของโลก.
แม้พระองค์ ก็ทรงกำจัดความมืดทุกอย่าง
ทรงสางรกชัฏขนาดใหญ่ เมื่อทรงยังโลกทั้งเทวโลกให้อิ่มก็ทรงหลั่งน้ำอมฤตให้ตกลงมา.
เมื่อพระปุสสพุทธเจ้า
ทรงประกาศพระธรรมจักรในสมัยนักขัตมงคล
อภิสมัยครั้งที่ ๑ ก็ได้มีแก่ สัตว์แปดล้าน.
อภิสมัยครั้งที่ ๒ ก็ได้มีแก่ สัตว์เก้าล้าน
อภิสมัยครั้งที่ ๓ ก็ได้มีแก่ สัตว์แปดล้าน.
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ทรงมีสันนิบาต ประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิตสงบ คงที่ ๓ ครั้ง.
ประชุมพระสาวกหกล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๑
ประชุมพระสาวกห้าล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๒.
ประชุมพระสาวก ผู้หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น ผู้ขาดปฏิสนธิแล้วสี่ล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๓.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 579
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์ นามว่า พระเจ้าวิชิตะ(วิชิตาวี)
ละราชสมบัติใหญ่ บวชในสำนักของพระองค์.
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้นำเลิศแห่งโลกพระองค์นั้น
ทรงพยากรณ์เราว่า เก้าสิบสองกัปนับแต่กัปนี้ไป ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.
พระตถาคต ออกอภิเนษกรมณ์ จากกรุงกบิลพัสดุ์อันน่ารื่นรมย์
ทรงตั้งความเพียร ทำทุกกรกิริยา.
พระตถาคต ประทับนั่ง ณ โคนต้นอชปาลนิโครธ
ทรงรับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้วเสด็จเข้าไปยังแม่น้ำเนรัญชรา.
พระชินเจ้าพระองค์นั้น เสวยข้าวมธุปายาสที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
เสด็จดำเนินตามทางอันดีที่เขาจัดแต่งไว้ ไปที่โคนโพธิพฤกษ์.
แต่นั้น พระผู้มีพระยศยิ่งใหญ่
ทรงทำประทักษิณโพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม ตรัสรู้ ณ โคนโพธิพฤกษ์ ชื่อต้นอัสสัตถะ.
ท่านผู้นี้
จักมีพระชนนีพระนามว่า พระนางมายา
พระชนก พระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ
ท่านผู้นี้จักมีพระนามว่า โคตมะ.
จักมีพระอัครสาวกชื่อว่า พระโกลิตะ และ พระอุปติสสะ
ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตั้งมั่น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 580
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่าพระอานันทะ จักบำรุงพระชินเจ้าพระองค์นี้.
จักมีพระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมา และพระอุบลวรรณา
ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบตั้งมั่น
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเรียกว่า ต้นอัสสัตถะ.
จักมีอัครอุปัฏฐาก ซึ่งจิตตะ และ หัตถกะอาฬวกะ
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อ นันทมาตา และ อุตตรา
พระโคดม ผู้มีพระยศ มีพระชนมายุ ๑๐๐ ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ฟังพระดำรัสนี้ ของพระปุสสพุทธเจ้า ผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่แล้ว
ก็ปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อพุทธางกูร.
หมื่นโลกธาตุ ทั้งเทวโลก ก็พากันโห่ร้อง ปรบมือ หัวร่อร่าเริง
ประคองอัญชลีนมัสการกล่าวว่า
ผิว่า พวกเราจักพลาดพระศาสนา ของพระโลกนาถพระองค์นี้ไซร้
ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้าของท่านผู้นี้.
เราฟังพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยิ่งเลื่อมใส
จึงอธิษฐานข้อวัตรยิ่งยวดขึ้นไป เพื่อบำเพ็ญบารมี ๑๐ ให้บริบูรณ์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัยและนวังคสัตถุศาสน์ทุกอย่าง
ยังพระศาสนาของพระชินพุทธเจ้าให้งาม.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 581
เราอยู่อย่างไม่ประมาทในพระศาสนานั้น
เจริญพรหมวิหารภาวนา ถึงฝั่งในอภิญญา ก็ไปสู่พรหมโลก.
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ทรงมีพระนครชื่อกาสิกะ
พระชนก พระนามว่า พระเจ้าชัยเสน
พระชนนี พระนามว่า พระนางสิริมา.
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี
มีปราสาทชั้นเยี่ยม ๓ หลัง ชื่อว่า ครุฬะ หังสะ สุวัณณดารา.
มีพระสนมนารี สามหมื่นสามพันนาง
พระอัครมเหสีพระนามว่า พระนางกีสาโคตมี
พระโอรสพระนามว่า อานันทะ.
พระผู้เป็นยอดบุรุษ ทรงเห็นนิมิต ๔ ทรงออก
อภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือ ช้าง
ทรงบำเพ็ญเพียร ๗ วัน.
พระมหาวีรปุสสพุทธเจ้า ผู้นำเลิศแห่งโลก
ผู้สูงสุดในนรชน อันท้าวมหาพรหมทูลอาราธนาแล้ว
ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ ป่ามิคทายวัน.
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
มีพระอัครสาวกชื่อว่า พระสุรักขิตะ และ พระธัมมเสนะ
พระพุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า พระสภิยะ.
มีพระอัครสาวิกาชื่อพระจาลา และ พระอุปจาลา
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียกว่า ต้นอามลกะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 582
มีอัครอุปัฏฐาก ซึ่งว่าธนัญชยะ และวิสาขะ
อัครอุปัฏฐายิกาชื่อว่า ปทุมา และสิรินาคา.
พระมหามุนีพระองค์นั้น สูง ๕๘ ศอก
ทรงงามเหมือนดวงอาทิตย์ เต็มเหมือนดวงจันทร์.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี
พระปุสสพุทธเจ้า พระองค์นั้น
ทรงมีพระชนม์ยืนถึงเพียงนั้นจึงทรงยังชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ.
พระศาสดาแม้พระองค์นั้น
ทรงสั่งสอนสัตว์เป็นอันมาก ยังชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ
พระองค์ทั้งพระสาวก มีพระยศที่ไม่มีใครเทียบ ก็ยังปรินิพพาน.
พระศาสดา ชินวรปุสสพุทธเจ้า
เสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ พระวิหารเสนาราม พระบรมสารีริกธาตุ
ก็แผ่กระจายไปเป็นส่วน ๆ ในประเทศนั้นๆ.
จบวงศ์พระปุสสพุทธเจ้าที่ ๑๘
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 583
พรรณนาวงศ์พระปุสสพุทธเจ้าที่ ๑๘
ภายหลังต่อมาจากสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าติสสะพระองค์นั้น
เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย
เสื่อมลงโดยลำดับและเจริญขึ้นอีก จนมีอายุมาก หาประมาณไม่ได้
แล้วก็เสื่อมลงโดยลำดับ จนมีอายุได้เก้าหมื่นปี
ในกัปนั้นนั่นเอง
พระศาสดาพระนามว่า ปุสสะ ก็อุบัติขึ้นในโลก
พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้พระองค์นั้น
ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย ก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
จุติจากนั้นแล้วก็ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของ พระนางสิริมาเทวี
อัครมเหสีของพระเจ้าชัยเสนะ กรุงกาสี
ถ้วนกำหนดทศมาส ก็ประสูติจากพระครรภ์พระชนนี ณ สิริมาราชอุทยาน
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่เก้าพันปี
ได้ยินว่า
ทรงมีปราสาท ๓ หลัง ชื่อว่า ครุฬปักขะ หังสะ และ สุวรรณภาระ.
ปรากฏพระสนมกำนัลสามหมื่นนาง มี พระนางกีสาโคตมี เป็นประมุข
เมื่อพระโอรสพระนามว่า อนูปมะ ของ พระนางกีสาโคตมี
ทรงสมภพ พระมหาบุรุษทรงเห็นนิมิต ๔
ก็ขึ้นทรงช้างพระที่นั่งที่ประดับแล้วเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ทรงผนวช
ชนโกฏิหนึ่งออกบวชตามเสด็จ
พระองค์อันภิกษุเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว ทรงบำเพ็ญเพียร ๖ เดือน
แต่นั้น ก็ทรงละหมู่
ทรงเพิ่มความประพฤติ แต่ลำพังพระองค์อยู่ ในวันวิสาขบูรณมี
เสวยข้าวมธุปายาสที่ นางสิริวัฑฒา ธิดาของเศรษฐีผู้หนึ่ง ณ นครแห่งหนึ่งถวาย
ทรงยับยั้งพักกลางวัน ณ ป่า สีสปาวัน เวลาเย็น
ทรงรับหญ้า ๘ กำที่อุบาสกชื่อ สิริวัฑฒะ ถวาย
เสด็จเข้าไปยังโพธิพฤกษ์ชื่อ อามลกะคือ ต้นมะขามป้อม
ทรงกำจัดกองกำลังมาร พร้อมทั้งตัวมาร
บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ
ทรงเปล่งพระอุทานว่า อเนกชาติสํสารํ ฯ เป ฯ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา
ยับยั้งอยู่ใกล้ต้นโพธิ์พฤกษ์ ๗ วัน ทรงเห็นภิกษุโกฏิหนึ่งซึ่งบวชกับพระองค์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 584
เป็นผู้สามารถแทงตลอดธรรมได้จึงเสด็จไปทางอากาศ ลงที่อิสิปตนะมิคทายวันสังกัสสนคร
ทรงประกาศพระธรรมจักร ท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น
ครั้งนั้นอภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่ สัตว์แสนโกฏิ.
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
ในมัณฑกัปนั้นนั่นเอง
ได้มีพระศาสดาพระนามว่า ปุสสะ ผู้ยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เปรียบ
เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้นำเลิศของโลก แม้พระองค์
ทรงกำจัดความมืดทั้งหมดแล้ว
ทรงสางรกชัฏขนาดใหญ่ เมื่อทรงยังโลกทั้งเทวโลกให้อิ่ม
ทรงหลั่งน้ำอมฤตให้ตกลงมา.
เมื่อพระปุสสพุทธเจ้า
ทรงประกาศพระธรรมจักรในสมัยนักขัตมงคล
อภิสมัยครั้งที่ ๑ ก็ได้มีแก่ สัตว์แสนโกฏิ.
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น
บทว่า ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ ความว่า ในกัปใด มีพระพุทธเจ้าทรงอุบัติ ๒ พระองค์
กัปนั้นเราเรียกมาแต่หนหลังว่า มัณฑกัป.
บทว่า วิชเฏตฺวา ได้แก่ แก้.
คำว่า ชฏา ในคำว่า มหาชฏํนี้ เป็นชื่อของตัณหา
ท่านกล่าวว่า จริงอยู่ตัณหานั้น ชื่อว่า ชฏา เพราะเป็นเหมือนชัฏ
กล่าวคือขนมร่างแหที่ร้อยด้วยกลุ่มด้าย เพราะเกิดบ่อยๆ ร้อยไว้ด้วยตัณหา
เบื้องล่างเบื้องบนในอารมณ์ทั้งหลายมีรูปเป็นต้น ซึ่งรกชัฏขนาดใหญ่นั้น.
บทว่า สเทวกํ ได้แก่ โลกทั้งเทวโลก.
บทว่า อภิวสฺสิ แปลว่า ให้ตกลงมาแล้ว.
บทว่า อมตมฺพุนา ความว่า เมื่อให้อิ่ม จึงหลั่งน้ำคือธรรมกถา กล่าวคืออมตธรรม ให้ตกลงมา.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 585
ครั้งพระเจ้าสิริวัฑฒะ กรุงพาราณสี
ทรงละกองโภคสมบัติใหญ่ ทรงผนวชเป็นดาบส
ได้มีดาบสที่บวชกับพระองค์จำนวนเก้าล้าน
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดดาบสเหล่านั้น
ครั้งนั้น อภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่ สัตว์เก้าล้าน
ส่วนครั้งทรงแสดงธรรมโปรดอนุปมกุมาร
พระโอรสของพระองค์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์แปดล้าน.
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
อภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่ สัตว์เก้าล้าน
อภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่ สัตว์แปดล้าน.
แต่นั้น สมัยต่อมา
พระสุรักขิตะราชโอรส และธัมมเสนกุมาร บุตรปุโรหิต ณ กัณณกุชชนคร
เมื่อพระปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จถึงนครของตนก็ออกไปรับเสด็จ พร้อมด้วยบุรุษหกล้าน
ถวายบังคมแล้วนิมนต์ถวายมหาทาน ๗ วัน
สดับธรรมกถาของพระทศพลแล้วเลื่อมใส พร้อมกับบริวารก็พากันบวชแล้วบรรลุพระอรหัต.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
ท่ามกลางภิกษุหกล้านเหล่านั้น นั้นเป็น สันนิบาตครั้งที่ ๑.
ต่อมาอีก
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพุทธวงศ์ ในสมาคมพระญาติประมาณหกสิบ
ของพระเจ้าชัยเสน กรุงกาสี
ชนห้าล้านฟังพุทธวงศ์นั้น พากันบวชด้วยเอหิภิกขุบรรพชา แล้วบรรลุพระอรหัต
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอยู่ในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น
ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นั้นเป็น สันนิบาตครั้งที่ ๒.
ต่อมาอีก
บุรุษสี่ล้านฟังมงคลกถาในมหามงคลสมาคม พากันบวชแล้ว บรรลุพระอรหัต
พระสุคตเสด็จอยู่ในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น
ทรงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง นั้น เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๓.
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 586
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
ทรงมีสันนิบาตประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน มีจิตสงบ คงที่ ๓ ครั้ง.
ประชุมพระสาวกหนึ่งล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๑
ประชุมพระสาวกห้าล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๒.
ประชุมพระสาวก ผู้หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น ผู้ขาดปฏิสนธิแล้วสี่ล้าน เป็นสันนิบาตครั้งที่ ๓.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ของเรา
ทรงเป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้า วิชิตาวี นครอรินทมะ
ทรงสดับธรรมของพระปุสสพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายมหาทานแด่พระองค์
ทรงละราชสมบัติใหญ่ทรงผนวชในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงเรียนพระไตรปิฎกทรงพระไตรปิฏก
ตรัสธรรมกถาแก่มหาชน และทรงบำเพ็ญศีลบารมี
พระปุสสพุทธเจ้า แม้พระองค์นั้น
ก็ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์นั้นว่า จักเป็นพระพุทธเจ้า
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์นามว่า วิชิตาวี ละราชสมบัติใหญ่ บวชในสำนักของพระองค์.
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้นำเลิศแห่งโลกพระองค์นั้น
ทรงพยากรณ์เราว่า เก้าสิบสองกัปนัปแต่กัปนี้ ท่านผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้า.
พระตถาคตทรงตั้งความเพียร ฯ ล ฯ เพื่อบำเพ็ญบารมี ๑๐ ให้บริบูรณ์.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 587
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย และนวังคสัตถุศาสน์ทั้งหมด
ยังพระศาสนาของพระชินพุทธเจ้าให้งาม.
เราอยู่อย่างไม่ประมาท ในพระศาสนานั้นเจริญ
พรหมวิหารภาวนา ถึงฝั่งแห่งอภิญญาก็ไปสู่พรหมโลก.
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ทรงมีพระนครชื่อว่า กาสี
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าชัยเสน
พระชนนีพระนามว่า พระนางสิริมา
คู่พระอัครสาวกชื่อว่า พระสุรักขิตะ และ พระธัมมเสนะ
พระพุทธอุปัฏฐากชื่อว่า พระสภิยะ
คู่พระอัครสาวิกา ชื่อว่า พระจาลา และ พระอุปจาลา
โพธิพฤกษ์ชื่อว่า อามลกะ คือ ต้นมะขามป้อม
พระสรีระสูง ๕๘ ศอก
พระชนมายุเก้าหมื่นปี
พระอัครมเหสีพระนามว่า พระนางกีสาโคตมี
พระโอรสพระนามว่า พระอนุปมะ
เสด็จออกอภิเนษกรมณ์ด้วยยานคือ ช้าง.
ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า
พระปุสสพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่
มีพระนครชื่อ กาสี
พระชนกพระนามว่า พระเจ้าชัยเสน
พระชนนีพระนามว่า พระนางสิริมา ฯ ล ฯ
โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เรียกว่าอามัณฑะ ต้นมะขามป้อม ฯ ล ฯ .
พระมุนีแม้พระองค์นั้นสูง ๕๘ ศอก งามเหมือนดวงอาทิตย์ เต็มเหมือนดวงจันทร์.
ในยุคนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี
พระปุสสพุทธเจ้า พระองค์นั้น
เมื่อทรงพระชนม์ถึงเพียงนั้น จึงทรงยังหมู่ชนเป็นอันมากให้ข้ามโอฆะ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 588
พระศาสดา แม้พระองค์นั้น ทรงสั่งสอนสัตว์เป็นอันมาก ให้ชนเป็นอันมากข้ามโอฆะ
พระองค์ทั้งพระสาวก มีพระยศที่ไม่มีผู้เทียบ ก็ยังปรินิพพาน.
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น
บทว่า อามณฺโฑ๑ แปลว่า ต้นมะขามป้อม.
บทว่า โอวทิตฺวา ได้แก่ ให้โอวาท อธิบายว่า พร่ำสอน.
บทว่า โสปิสตฺถา อตุลยโส ความว่า พระศาสดา ผู้มีพระยศที่ชั่งมิได้ แม้พระองค์นั้น.
ปาฐะว่า โส ชหิตฺวา อมิตยโส ดังนี้ก็มี
ปาฐะนั้น มีความว่า พระองค์จำต้องละคุณวิเศษดังกล่าวแล้วทุกอย่าง.
ได้ยินว่า
พระปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า ดับขันธปรินิพพาน ณ พระวิหารเสนาราม กรุงกุสินารา
ได้ยินว่า พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แผ่กระจายไป.
ในคาถาที่เหลือทุกแห่งชัดแล้วทั้งนั้นแล.
จบพรรณนาวงศ์พระปุสสพุทธเจ้า
๑. บาลีเป็น อามลโก
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 589