พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 326
๑๐. กรัณฑวสูตร
[๑๐๐] สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณี ชื่อคัครา ใกล้นครจัมปา
สมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย
โจทภิกษุด้วยอาบัติ
ภิกษุที่ถูกภิกษุทั้งหลาย โจทด้วยอาบัตินั้น
เอาเรื่องอื่น ๆมาพูดกลบเกลื่อน
ชักเรื่องไปนอกทางเสีย
แสดงความโกรธเคือง
แต่ความไม่ยำเกรงให้ปรากฏ
ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป
จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
คนชนิดนี้ต้องขับออก
เป็นลูกนอคอก
กวนใจกระไร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป การถอยกลับ
การแล การเหลียว
การคู้ การเหยียด
การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร
เหมือนภิกษุผู้เจริญเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลาย ยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใด
ภิกษุทั้งหลาย เห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้น ภิกษุทั้งหลาย ย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ
เป็นสมณะแกลบ
เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้จักอย่างนี้แล้ว
ย่อม นาสนะ ออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะคิดว่า
ภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดี เหล่าอื่นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือน หญ้าชนิดหนึ่ง ที่ทำลาย ต้นข้าว
มีเมล็ดเหมือน ข้าวลีบ
มีเมล็ดเหมือน ข้าวตายรวง
พึงเกิดขึ้นในนาข้าวที่สมบูรณ์
ราก ก้าน ใบ ของมัน
เหมือนกับข้าวที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่มัน ยังไม่ออกรวง
แต่เมื่อใด
มันออกรวง เมื่อนั้นจึงทราบกันว่า
หญ้านี้ทำลายข้าว
มีเมล็ดเหมือนข้าวลีบ
มีเมล็ดเหมือนข้าวตายรวง
ครั้นทราบอย่างนี้แล้ว
เขาจึงถอนมัน เหมือนทั้งราก
เอาไปทิ้ง ให้พ้นที่นา
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะคิดว่า
หญ้าชนิดนี้
อย่าทำลายข้าวที่ดีอื่น ๆ เลย ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน
บุคคลบางคน ในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป
การลอยกลับ ฯลฯ
เพราะคิดว่า
ภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือนกองข้าวเปลือกกองใหญ่
ที่เขากำลังสาดอยู่ ในข้าวเปลือกกองนั้น
ข้าวเปลือกที่เป็นตัว แกร่ง เป็นกอง อยู่ส่วนหนึ่ง
ส่วนที่หัก ลีบ ลมย่อมพัดไปไว้ส่วนหนึ่ง
เจ้าของย่อมเอาไม้กวาด
วีข้าวที่หักและลีบออกไป
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะคิดว่า
มันอย่าปนข้าวเปลือกที่ดีอื่น ๆ ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน
บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป การถอยกลับ ฯลฯ
เพราะคิดว่า
ภิกษุนี้ อย่าประทุษร้าย ภิกษุที่ดี เหล่าอื่นเลย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เปรียบเหมือน บุคคลต้องการกระบอกตักน้ำ
ถือขวานอันคมเข้าไปในป่า
เขาเอาสันขวาน เคาะต้นไม้นั้น ๆ
บรรดาต้นเหล่านั้น
ต้นไม้ที่แข็ง มีแก่น ซึ่งถูกเคาะด้วยสันขวานย่อมมีเสียงหนัก
ส่วนต้นไม้ที่ผุใน น้ำชุ่ม เกิดยุ่ยขึ้น ถูกเคาะด้วยสันขวาน ย่อมมีเสียงก้อง
เขาจึงตัดต้นไม้ที่ผุในนั้นที่โคน
ครั้นตัดโคนแล้ว จึงตัดปลาย
ครั้นตัดปลายแล้ว จึงคว้านข้างใน ให้เรียบร้อย
แล้วทำเป็นกระบอกตักน้ำ ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน
บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้
มีการก้าวไป
การถอยกลับ
การแล
การเหลียว
การคู้
การเหยียด
การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตรและจีวร
เหมือนของภิกษุที่ดีเหล่าอื่น
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลาย
ยังไม่เห็นอาบัติของเขา
แต่เมื่อใด
ภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า
ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ
เป็นสมณะแกลบ
เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้จักอย่างนี้แล้ว
ย่อม นาสนะ ออกไปให้พ้น
ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะคิดว่า
ภิกษุอย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย.
เพราะการอยู่ร่วมกัน พึงรู้ได้ว่า
ผู้นี้มีความปรารถนาลามก
มักโกรธ
มักลบหลู่
หัวดื้อ
ตีเสมอ
ริษยา
ตระหนี่
โอ้อวด
บางคน
ในท่ามกลางประชุมชน
พูดไพเราะ ดังพระสมณะ
พูดปิดบังความชั่วที่ตนทำ
มีความเห็นลามก ไม่เอื้อเฟื้อ
พูดเลอะเลือน
พูดเท็จ
เธอทั้งหลาย
ทราบบุคคลนั้นว่า เป็นอย่างไรแล้ว
จงพร้อมใจกันทั้งหมด ขับบุคคลนั้นเสีย
จงกำจัดบุคคล ที่เป็นดังหยากเยื่อ
จงถอนบุคคล ที่เสียใน ออกเสีย
แต่นั้นจงนำคนแกลบ
ผู้มิใช่สมณะ แต่ยังนับว่าเป็นสมณะ ออกเสีย
เธอทั้งหลาย
เมื่อต้องการอยู่รวม กับคนดี และคนไม่ดี
ครั้นกำจัดคนที่มีความปรารถนาลามก
มีอาจาระและโคจร ลามก ออกแล้ว จงเป็นผู้มีสติ
แต่นั้น
เธอทั้งหลายเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน
เป็นผู้มีปัญญารักษาตน
จักกระทำที่สุดทุกข์ได้.
จบ กัรณฑวสูตรที่ ๑๐