เมณฑกะคหบดีอังคาสพระสงฆ์
[๘๕] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระนครภัททิยะ ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว
ไม่ได้ทรงลา เมณฑกะคหบดี
เสด็จพระพุทธดำเนินไปทางชนบทอังคุตตราปะ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๑,๒๕๐ รูป
เมณฑกะคหบดีได้ทราบข่าวแน่ชัดว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินไปทางชนบทอังคุตตราปะ
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๑,๒๕๐ รูป
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 147
จึงสั่งทาสและกรรมกรว่า พนายทั้งหลาย
ถ้ากระนั้น พวกเจ้าจงบรรทุกเกลือบ้าง น้ำมันบ้าง ข้าวสารบ้าง ของขบฉันบ้าง
ลงในเกวียนให้มาก ๆ และคนเลี้ยงโค ๑,๒๕๐ คน
จงพาแม่โคนม ๑,๒๕๐ ตัว มาด้วย
เราจักเลี้ยงพระสงฆ์ด้วยน้ำนมสดอันรีดใหม่ที่มีน้ำนมยังอุ่น ๆ
ณ สถานที่ ๆ เราได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นเมณฑกะคหบดี
ตามไปพบพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ระหว่างทางกันดาร
จึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถวายบังคมยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้วได้กราบทูลอาราธนาว่า
พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับภิกษุสงฆ์
จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้า
เพื่อเจริญบุญกุศลและปีติปราโมทย์ในวันพรุ่งนี้ด้วยเถิด
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับอาราธนาโดยดุษณีภาพ
ครั้นเมณฑกะคหบดี
ทราบการทรงรับอาราธนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
ลุกจากที่นั่งถวายบังคมทำประทักษิณกลับไป
แล้วสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีต
โดยผ่านราตรีนั้น แล้วให้คนไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว.
ครั้นเวลาเช้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวร
เสด็จพระพุทธดำเนินเข้าสถานที่อังคาสของเมณฑกะคหบดี
ครั้นแล้วประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
เมณฑกะคหบดีจึงสั่งคนเลี้ยงโค ๑,๒๕๐ คนว่า พนายทั้งหลาย
ถ้าเช่นนั้นจงช่วยกันจับแม่โคนมคนละตัวแล้วยืนใกล้ ๆ ภิกษุรูปละคน ๆ
เราจักเลี้ยงพระด้วยน้ำนมสดอันรีดใหม่ที่มีน้ำยังอุ่น ๆ ครั้นแล้วได้อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้า
เป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต และด้วยน้ำนมสดอันรีดใหม่
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 148
ด้วยมือของตน จนให้ห้ามภัตแล้ว
ภิกษุทั้งหลายรังเกียจ ไม่ยอมรับประเคนน้ำนมสด
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุญาตว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
จงรับประเคนฉันเถิด.
เมื่อเมณฑกะคหบดีอังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต และด้วยน้ำนมสดรีดใหม่ด้วยมือของตน
จนยังพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสวยเสร็จ
ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรให้ห้ามภัตแล้ว ได้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
เมณฑกะคหบดีนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้กราบทูลคำนี้ แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มีอยู่ พระพุทธเจ้าข้า
หนทางกันดาร
อัตคัด น้ำ
อัตคัด อาหาร
ภิกษุไม่มีเสบียง
จะเดินทางไป ทำไม่ได้ง่าย
ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระองค์ โปรดทรงอนุญาต
เสบียงเดินทาง แก่ภิกษุทั้งหลายด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า
เมณฑกานุญาต
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้เมณฑกะคหบดีเห็นแจ้ง
สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว
ทรงลุกจากที่ประทับเสด็จกลับไป
หลังจากนั้นพระองค์ทรงธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตโครส ๕ คือ
นมสด
นมส้ม
เปรียง
เนยข้น
เนยใส
มีอยู่ ภิกษุทั้งหลาย
หนทางกันดาร
อัตคัดน้ำ
อัตคัดอาหาร
ภิกษุไม่มีเสบียงจะเดินทางไป ทำไม่ได้ง่าย
เราอนุญาตให้แสวงหาเสบียงได้ คือ
ภิกษุ
ต้องการข้าวสาร พึงแสวงหาข้าวสาร
ต้องการถั่วเขียว พึงแสวงหาถั่วเขียว
ต้องการถั่วราชมาส พึงแสวงหาถั่วราชมาส
ต้องการเกลือ พึงแสวงหาเกลือ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 149
ต้องการน้ำอ้อย พึงแสวงหาน้ำอ้อย
ต้องการน้ำมัน พึงแสวงหาน้ำมัน
ต้องการเนยใส ก็พึงแสวงหาเนยใส.
มีอยู่ ภิกษุทั้งหลาย
ชาวบ้านที่มีศรัทธาเลื่อมใส เขามอบเงินทองไว้
ในมือกัปปิยการก สั่งว่า
สิ่งใดควรแก่พระผู้เป็นเจ้า
ขอท่านจงถวายสิ่งนั้นด้วยกัปปิยภัณฑ์นี้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ยินดี
ของอันเป็นกัปปิยะ จากกัปปิยภันฑ์นั้นไว้
แต่เรามิได้กล่าวว่า
พึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงิน
โดยปริยายไร ๆ เลย.